ทำไมการทำ Computer Forensics จึงมีความสำคัญต่อองค์กรของคุณ
ในโลกที่ก้าวไปอย่างรวดเร็วปัจจุบันองค์กรต้องพึ่งพาเทคโนโลยีมากขึ้นเพื่อให้ทันต่อการแข่งขัน ปัจจุบันลูกค้าทั่วไปต่างคาดหวังว่า สินค้าหรือองค์กรต่างๆที่เค้าต้องการหาสินค้าจะต้องมีเว็บไซท์ที่น่าสนใจและข้อมูลครบตามความต้องการซึ่งสามารถตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้เป็นอย่างดีในกรณีที่ต้องการซื้อสินค้าออนไลน์ ซึ่งแน่นอนว่าก่อนสั่งสินค้า ลูกค้าต้องมีสิทธ์ในการสอบถามข้อมูลของสินค้า โดยผ่านโปรแกรมแชทที่เจ้าของเว็บไซต์เตรียมไว้ให้ และฟังก์ชั่นการทำงานของเวไซต์อื่นที่น่าสนใจเช่น ดูตัวอย่างสินค้า
ปัจจุบันเทคโนโลยีได้กลายเป็นสิ่งจำเป็นในชีวิตประจำวันของผู้คน โดยส่วนใหญ่เน้นเชื่อมต่อระหว่างอีเมล์ของตัวเองและสามารถติดต่อกับเพื่อนๆได้ในช่วงเวลาทำงาน
Computer Forensics สำคัญต่อองค์กรของคุณอย่างไร?
การทำ Computer Forensics คือขั้นตอนการพิสูจน์หลักฐานทางคอมพิวเตอร์ที่จะต้องเผชิญกับเหตุการณ์การตรวจสอบข้อมูลต่างๆทางคอมพิวเตอร์ที่เกิดขึ้นในโลกไซเบอร์ใบนี้ และเหตุการณ์บางอย่างที่เกิดขึ้นไม่ได้มีการเตรียมตัวมาก่อน ที่จะจัดการกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ โดยทั่วไปในองค์กรจะมีการรักษาความปลอดภัยด้วยการใช้ไฟร์วอล และอัพเดตโปรแกรมป้องกันไวรัส อย่างไรก็ตามองค์กรส่วนใหญ่ไม่ได้มีนโยบายควบคุมการใช้อุปกรณ์ USB ซึ่งทำให้สามารถใช้อุปกรณ์นี้เชื่อมต่อกับระบบเครือข่ายและระบบโทรศัพท์ได้ ซึ่งอาจทำให้เกิดการรับส่งข้อมูลขององค์กร และเมื่อมีการยกเลิกสัญญาพนักงานจึงต้องมีการปิดบัญชีผู้ใช้ให้ทันท่วงทีองค์กรทั่วไปจะมีกฎและข้อบังคับเกี่ยวกับการรักษาข้อมูลลูกค้า อย่างไรก็ตามการรั่วไหลของข้อมูลยังคงเป็นปัญหาใหญ่ที่องค์กรเหล่านี้ต้องเผชิญอยู่ในโลกของเทคโนโลยีทุกวันนี้
เมื่อมีเหตุการณ์เกิดขึ้นกับคอมพิวเตอร์แน่นอนว่าในที่สุด ทุกองค์กรจะต้องมีการจัดการกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในโลกไซเบอร์
ตัวอย่างของเหตุการณ์ในโลกไซเบอร์ที่พบกันบ่อยๆซึ่งอาชญากรรมที่พบบ่อยได้แก่
• การทุจริตทางคอมพิวเตอร์
• อาชญากรรม
• การจารกรรมข้อมูลในภาคอุตสาหกรรมรม
• การโจรกรรมข้อมูลลับขององค์กร
• การละเมิดลิขสิทธ์ส่วนบุคคล / การสูญเสียข้อมูลของลูกค้า
• สื่อลามกอนาจารสำหรับเด็กและผู้ใหญ่
• การกระทำต่างๆที่เป็นการละเมิดนโยบายการรักษาความปลอดภัยของคอมพิวเตอร์ขององค์กร และอื่น ๆ
เมื่อมีเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นผู้กระทำผิดจะทิ้งช่องโหว่ เช่น ทางจริยธรรม ทางการเงินและถูกทางกฎหมาย เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นต้องได้รับการตรวจสอบอย่างจริงจัง โดยเริ่มจากการตรวจสอบหลักฐานจากภายใน อย่างรวดเร็วเพื่อขยายผลไปสูการตรวจสอบคดีทางอาญาซึ่งจะเกี่ยวข้องกับหน่วยงานภายนอกโดยข้อมูลการสอบสวนอาจรั่วไหลสู่ภายนอกโดยไม่รู้ตัว
จากการสำรวจคดีสำคัญทางอาชญากรรมทางเศรษฐกิจทั่วโลก ในปี 2011
• ในขณะนี้อาชญากรรมทางคอมพิวเตอร์จัดเป็นหนึ่งในสี่ของอาชญากรรมทางเศรษฐกิจที่สำคัญ
• 40 % ของผู้ตอบแบบสอบถามหวาดกลัวในเรื่องของภาพลักษณ์ชื่อเสียงขององค์กรมากที่สุด
• 60% กล่าวว่า องค์กรไม่มีนโยบายติดตามความเคลื่อนไหวในสื่อสังคมออนไลน์
• 34% ของผู้ตอบแบบสอบถามมีประสบการณ์ที่เกี่ยวข้องกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา (เพิ่มขึ้น 30 % จากปี 2009) เกือบ 1 ใน 10 ที่เปิดเผยถึงความเสียหายจากอาชญากรรมทางเศรษฐกิจมากกว่า 5 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ
• 56 % ของผู้ตอบแบบสอบถามกล่าวว่าการทุจริตที่ร้ายแรงที่สุดคือ “ภายในองค์กรนั่นเอง”
• 2 ใน 5 ของผู้ตอบแบบสอบถามไม่ได้รับการฝึกอบรมใดๆเลยเกี่ยวกับความปลอดภัยในโลกไซเบอร์
• ผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่ไม่ได้ตระหนักถึงการมีแผนรองรับหรือรับมือในกรณีถ้ามีอาชญากรรมทางคอมพิวเตอร์เกิดขึ้นภายในองค์กร
ทำไม การทำ Computer Forensics จึงมีความสำคัญต่อองค์กรคุณ
เมื่อองค์กรต้องเผชิญกับเหตุการณ์ในระบบรักษาความปลอดภัยขององค์กร ส่วนใหญ่เจ้าหน้าที่ทางไอทีจะถูกคาดหวังในประเมินปัญหาที่เกิดขึ้นในเบื้องต้นและพยายามหาข้อเท็จจริงของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและประเมินระดับของความรุนแรง ส่วนใหญ่พนักงานไอทีในบริษัททั่วไปไม่ได้รับการฝึกอบรมในด้านการพิสูจน์หลักฐานทางคอมพิวเตอร์(Computer Forensic) ส่งผลให้พวกเขาไม่ตระหนักถึงวิธีการเก็บข้อมูลหลักฐานทางดิจิตอลหรือคอมพิวเตอร์ที่อาจจะต้องนำไปเป็นหลักฐานแสดงต่อศาลในกรณีที่มีการร้องขอ ข้อมูลที่สำคัญอย่างเช่น วันและเวลาที่ปรากฏอาจสูญหายหรือเปลี่ยนแปลงซึ่งจะทำให้การตรวจสอบยากมากขึ้น ในสถานการณ์ที่เลยร้ายที่สุดข้อมูลที่ตรวจพบอาจไม่เป็นที่ยอมรับเมื่อนำไปเสนอในชั้นศาล
การพิสูจน์หลักฐานทางคอมพิวเตอร์ (Computer forensics investigation)จำเป็นต้องมีทักษะเฉพาะซึ่งเกี่ยวข้องกับการเก็บรักษาข้อมูลและตรวจสอบ แยกแยะหลักฐานทางคอมพิวเตอร์ที่พบ แต่การเผยแพร่ หลักฐานที่ถูกต้อง เมื่อต้องเผชิญหลักฐานทางคอมพิวเตอร์องค์กรมีแนวโน้มที่จะเน้น ไปที่ค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้อง และขึ้นอยู่กับความซับซ้อนของการตรวจสอบข้อมูลหลักฐาน และจำนวนเครื่องคอมพิวเตอร์ที่เกี่ยวข้อง แต่อย่างไรก็ตามค่าใช้จ่ายจะขึ้นอยู่กับสิ่งต่อไปนี้
หลักฐานที่ได้จากการตรวจสอบหลักฐานทางคอมพิวเตอร์ จะเป็นผลลัพธ์ของการสืบสวนการพิสูจน์หลักฐานทางคอมพิวเตอร์สามารถลดขั้นตอนการดำเนินการทางกฎหมายให้รวด เร็วกระชับขึ้นการพิสูจน์หลักฐานทางคอมพิวเตอร์ สามารถประหยัดเวลาในการตรวจสอบซึ่งยังสามารถช่วยองค์กรประหยัดค่าใช้จ่ายด้วย
เมื่อองค์กรกำหนดแผนรับมือกับเหตุการณ์ที่อาจจะเกิดขึ้น องค์กรควรจะสร้างแผนการซึ่งตอบสนองงานด้านพิสูจน์หลักฐานทางคอมพิวเตอร์ (Computer Incident Response Plan ) ซึ่งอาจหมายถึง การให้พนักงานได้รับการอบรมการเก็บ ตรวจสอบ พิสูจน์หลักฐานทางคอมพิวเตอร์ที่ถูกต้องตามหลักสากลในองค์กร ซึ่งพนักงานที่ผ่านการฝึกอบรมสามารถช่วยเหลือองค์กรเบื้องต้นในกรณีเกิดอาชญากรรมทางคอมพิวเตอร์
การพิสูจน์หลักฐานทางคอมพิวเตอร์เริ่มเป็นที่สนใจในหลายๆประเทศทั่วโลก ปัจจุบันนี้ในประเทศอังกฤษได้ก่อตั้งโครงการ Insurance Scheme ซึ่งเป็นองค์กรที่ให้ความช่วย เหลือลูกค้าถ้ามีการเรียกร้องการตรวจสอบพิสูจน์หลักฐานทางคอมพิวเตอร์ โดยองค์กรต้องยอมรับการพิสูจน์หลักฐานทางคอมพิวเตอร์และเป็นเครื่องมือในการควบคุมผู้ที่กำลังคิดที่จะก่ออาชญากรรมทางคอมพิวเตอร์
Training For IT Staff – Computer Forensics Awareness and Incident Response Training (TH)
ประวัติผู้เขียน
แอนดรูส์ สมิทธ์ -ผู้อำนวยการพิสูจน์หลักฐานคอมพิวเตอร์ประจำ Orion Forensic
แอนดรูว์มีประสบการณ์มากกว่า 17 ปี ในสาขานิติวิทยาศาสตร์ดิจิทัล และเคยเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจในสหราชอาณาจักรเป็นเวลา 9 ปี โดยในช่วง 4 ปีที่ผ่านมาเขาใช้เวลาทำงานในแผนกอาชญากรรมคอมพิวเตอร์ตำรวจซึ่งเขาได้รับการฝึกอบรมทางนิติวิทยาศาสตร์อย่างมากมาย มีบทบาทของในการรวมข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์และการวิเคราะห์ข้อมูล รวมไปถึงการนำเสนอหลักฐานในศาลของสหราชอาณาจักรในฐานะพยานผู้เชี่ยวชาญ
ขณะนี้แอนดรูว์ทำงานที่กรุงเทพฯมาเป็นเวลากว่า 7 ปีและเป็นผู้อำนวยการฝ่าย Computer Forensics Services ของ บริษัท Orion Investigations บทบาทของเขาคือดูแลการสืบสวนทางนิติวิทยาศาสตร์ การพัฒนาธุรกิจ การส่งเสริมความตระหนักถึงความปลอดภัยในโลกไซเบอร์และอธิบายหลักฐานในฐานะพยานผู้เชี่ยวชาญในศาลไทย และเป็นวิทยากรที่อบรมให้กับหน่วยงานธุรกิจและองค์กรต่างๆ อย่างสม่ำเสมอ ซึ่งได้พัฒนาหลักสูตรการฝึกอบรมทางนิติวิทยาศาสตร์สำหรับตลาดในประเทศไทย อีกทั้งยังได้พัฒนาเครื่องมือทางนิติวิทยาศาสตร์ซึ่งปัจจุบันได้ใช้ในห้องปฏิบัติการนิติเวชทั่วโลก
Email :andrew@orioninv.co.th
Read More
หลักการนำหลักฐานดิจิทัลหรืออิเล็กทรอนิกส์ไปใช้ในทางกฎหมาย
เนื่องจากกฎหมายของแต่ละประเทศในเรื่องของการนำเสนอหลักฐานนั้นมีความแตกต่างกัน ดังนั้นการนำหลักฐานดิจิทัลไปใช้ในชั้นศาลซึ่งเป็นกฎที่มีการคิดค้น และพัฒนาในต่างประเทศจนได้รับการยอมรับมากที่สุด ซึ่งมีด้วยกันทั้งหมด 4 ข้อคือ ดังนี้คือ
Read Moreจัดอบรม | Hands-on Workshop |Digital Forensics Foundation Training Course 4 Days + Open Source Tools แก่ผู้ที่สนใจ
Orion Forensics LAB ได้จัดอบรมหลักสุตร Hands-on Workshop Digital Forensics Foundation Training Course (4 DAYS) แก่ผู้ที่สนใจ เมื่อวันที่ 16-19 พ.ย 2563 ที่ผ่านมา
โดยหลักสูตรนี้เป็นหลักสูตรเบื้องต้นสำหรับบุคคลทั่วไปที่สนใจด้านการตรวจพิสูจน์พยานหลักฐานดิจิทัล หรือ อยากจะเป็นผู้เชี่ยวชาญพิสูจน์หลักฐานในอนาคต ,ผู้ที่ทำงานเกี่ยวข้องกับพยานหลักฐานดิจิทัล
หลักสูตรนี้จะช่วยสร้างความเข้าใจขั้นพื้นฐานอย่างลึกซึ้งในการพิสูจน์หลักฐานทางดิจิทัล (digital forensic)รวมถึงทางด้านเทคนิคต่างๆ โดยจะครอบคลุมเนื้อหาเชิงลึกและฝึกปฏิบัติตามสถานการณ์จริง ตามวัตถุประสงค์การเรียนรู้ในแต่ละขั้น
ผู้ฝึกอบรมจะได้ทดลองใช้เครื่องมือที่เป็น open source Tools ซึ่งจะได้เรียนรู้และทดลองปฏิบัติตามหลักสูตรโดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมในการใช้ซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์
หลักสูตรนี้ได้รับการออกแบบโดยผู้ตรวจเชี่ยวชาญนิติวิทยาศาสตร์ที่มีประสบการณ์และมีประสบการณ์หลายปีจากประเทศอังกฤษและในประเทศไทย เพื่อให้แน่ใจว่าเนื้อหาของหลักสูตรสามารถนำไปปฏิบัติได้
หลักสูตรอบรมทั้งหมด คลิก
Read Moreการตรวจพิสูจน์พยานหลักฐานดิจิทัลหรือคอมพิวเตอร์
การตรวจพิสูจน์พยานหลักฐานดิจิทัลหรือคอมพิวเตอร์ – เมื่อได้ยินคำว่า “Computer Forensics” หลายคนจะนึกถึงซีรีย์เรื่อง “DSI” และการสืบสวนอาชญากรรมของตำรวจ ในปัจจุบันคำว่า Digital Forensics คือ น่าจะมีการพูดถึงกันมากขึ้นในแง่ของการเป็นเครื่องมือในการสืบสวนการกระทำผิดของพนักงานในองค์กร, การสืบสวนด้านทรัพย์สินทางปัญญา, การสืบสวนผู้บุกรุกเครือข่ายคอมพิวเตอร์(Cyber Crime) และการฟ้องร้องคดีหมิ่นประมาท เป็นต้น
การพิสูจน์หลักฐานทางคอมพิวเตอร์ ในประเทศไทยยังคงเป็นเรื่องใหม่แต่มันกำลังจะเปลี่ยนไป เพียงแค่คุณค้นหาคำเหล่านี้ทางอินเตอร์เน็ตจะพบบริษัทที่โฆษณาการให้บริการด้าน Digital Forensics, คอร์สฝึกอบรม, และเว็บบล็อกที่ให้ความรู้จากทั้งในประเทศและจากต่างประเทศ แต่จะมีใครทราบความหมายที่แท้จริงของคำว่า Digital หรือ Computer Forensics
ดังนั้นเราสามารถทำความเข้าใจง่ายๆว่า มัน คือการรวบรวมข้อมูลหลักฐาน การพิสูจน์หลักฐานทางคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ทางอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งสามารถนำมาใช้เป็นหลักฐานได้ และในทาง Computer Forensics หลักฐานที่ได้จะไม่มีการเปลี่ยนแปลง ซึ่งถ้ามีความจำเป็นที่จะต้องมีการเปลี่ยนแปลงก็จะต้องมีการเปลี่ยนแปลงน้อยที่สุด โดยจะต้องมีการบันทึกกระบวนการได้มาของหลักฐานอย่างเที่ยงตรง(Chain of Custody)
การพิสูจน์หลักฐานทางคอมพิวเตอร์ ไม่เพียงแต่เป็นการสืบสวนข้อมูลทางอีเล็กทรอนิกส์ แต่ยังเป็นการระบุข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการสืบสวนค้นหาหลักฐานเพื่อนำเสนอประกอบการดำเนินคดี ดังนั้นจึงมีความจำเป็นที่คนทั่วไปจะต้องทำความเข้าใจว่า Computer Forensics ไม่ได้หมายถึงเฉพาะข้อมูลในคอมพิวเตอร์ แต่ยังรวมไปถึงอุปกรณ์ที่สามารถจัดเก็บข้อมูลทางอิเล็กทรอนิคส์ เช่น โทรศัพท์มือถือ กล้องถ่ายรูป อุปกรณ์รับสัญญาณดาวเทียม (GPS) อุปกรณ์จัดเก็บข้อมูล USB เครื่องเล่นเกม หรือแม้แต่เตาอบไฟฟ้า ซึ่งหลายคนอาจคาดไม่ถึง
เพื่อพิจารณาการสื่อสารข้อมูลในปัจจุบันจะพบว่าจะเป็นการสื่อสารข้อมูลในรูปของข้อมูลอิเล็กทรอนิคส์ จึงเห็นได้ว่า ทำไมการทำ Computer Forensics จึงเป็นเครื่องมือที่สำคัญต่อธุรกิจในปัจจุบัน ไฮไลท์จากการสำรวจ Global Economic Crime Survey 2011 พบว่า อาชญากรรมไซเบอร์เป็นหนึ่งในอาชญากรรมทางเศรษฐกิจที่มีความสำคัญและมีการรายงานว่า 1ใน 10ของการทุจริตที่เกิดขึ้นในองค์กรซึ่งมีความสูญเสียกว่า 5 ล้าน ดอลล่าสหรัฐ ซึ่งความเสียหายทางชื่อเสียงคือสิ่งที่ผู้คนหวั่นกลัวที่สุดคิดเป็น 40 % ของผู้ตอบแบบสอบถาม และมากกว่า 56% ตอบว่าการทุจริตที่ร้ายแรงที่สุดคือ “ภายในองค์กร”
การสำรวจยังแสดงให้เห็นว่า 60 % ของผู้ตอบแบบสอบถาม ตอบว่าองค์กรไม่ใด้มีกฎข้อห้ามในการเล่น Social Media สุดท้าย 34% ของผู้ตอบแบบสอบถามมีประสบการณ์อาชญากรรมทางเศรษฐกิจในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา ซึ่งเพิ่มขึ้นจากเดือนจากปี 2009 กว่า 30% นอกจากนี้ 2 ใน 5 ของผู้ตอบแบบสอบ กล่าวว่า ไม่เคยได้รับการอบรมใดๆเกี่ยวกับ ความปลอดภัยด้านอาชญากรรมไซเบอร์
เป็นสิ่งที่น่าแปลกใจ เมื่อคุณพิจารณาว่าโลกของเราก้าวไปอย่างรวดเร็ว องค์กรต่างๆต้องพึ่งพาเทคโนโลยีมากขึ้นและการแข่งขันทางด้านเทคโนโลยีที่สูงมากขึ้นตามไปด้วย องค์กรส่วนใหญ่ย่อมคาดหวังที่จะนำเสนอข้อมูลเพื่อดึงดูดลูกค้าผ่านทางเว็บไซต์ และทำให้ลูกค้าสามารถตอบสนองได้อย่างรวดเร็วผ่านผ่านทางฟังชั่นสนทนาออนไลน์ และยังสามารถสั่งซื้อสินค้าได้อย่างปลอดภัยผ่านทางการบริการออนไลน์ของเว็บไซต์ จึงเห็นได้ว่าเทคโนโลยีได้กลายมาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของผู้คนสมัยนี้ ซึ่งคนทั่วไปสามารถเข้าถึงอีเมล์ส่วนตัวเพื่อให้สามารถติดต่อกับเพื่อนๆแม้ในช่วงเวลาทำงาน
สิ่งต่างๆที่กล่าวมามีผลกระทบต่อองค์กรอย่างไร ? องค์กรจะต้องเผชิญกับเหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องกับระบบความปลอดภัยขององค์กรและบางองค์กรไม่ได้เตรียมการล่วงหน้าสำหรับการปกป้องข้อมูลขององค์กรที่เป็นความลับได้อย่างมีประสิทธิภาพ องค์กรทราบดีว่าพวกเขาต้องมีระบบป้องกันข้อมูลรั่วไหลภายในองค์กร เช่น การมีไฟร์วอลล์, ติดตั้งแพทตัวล่าสุดของโปรแกรม Anti Virus อย่างไรก็ตามหลายองค์กรไม่สามารถใช้นโยบายควบคุมการใช้คอมพิวเตอร์ เช่น การนำอุปกรณ์ USB มาใช้ในองค์กร ซึ่งพนักงานอาจจะก๊อบปี้ข้อมูลของบริษัทออกไปได้ ถึงแม้องค์กรจะมีนโยบายการปิดอีเมล์และป้องกันการเข้าถึงข้อมูลองค์กรเมื่อพนักงานคนนั้นลาออก แต่ก็ไม่สามารถป้องกันข้อมูลบริษัทรั่วไหลไปได้
ทุกองค์กรในทุกอุตสาหกรรมทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศต่างก็มีนโยบายในการเข้าถึงข้อมูลที่เป็นความลับขององค์กรและข้อมูลของลูกค้า เพื่อที่จะปกป้องการขโมยข้อมูลออกจากองค์กร แต่การรั่วไหลของข้อมูลยังคงเป็นหนึ่งในปัญหาที่ใหญ่ที่สุดที่องค์กรต้องเผชิญในโลกเทคโนโลยีทุกวันนี้ ถ้าภาคธุรกิจในประเทศไทยปรารถนาที่จะแข่งขันในระดับโลก องค์กรเหล่านี้ควรจะต้องมีความสามารถในการรับมือหรือจัดการกับอาชญากรรมทางไซเบอร์ได้ การรักษาข้อมูล ตอนนี้กลายเป็นปัญหาใหญ่สำหรับองค์กรที่ไม่มีการวางแผนการจัดการกับอาชญากรรมทางไซเบอร์ ซึ่งอาจทำให้พลาดการทำสัญญาทางการค้ากับบริษัทขนาดใหญ่ได้ ดังที่มีผู้กล่าวไว้ว่า “การคาดการณ์ในอนาคตจะผิดพลาด เมื่อมันได้มาถึงตัวอย่างไม่คาดคิด”
- ตัวอย่างของอาชญากรรมไซเบอร์ ได้แก่ การฉ้อโกงผ่านทางคอมพิวเตอร์ การฝ่าฝืนนโยบายความปลอดภัยข้อมูลคอมพิวเตอร์ขององค์กร การจารกรรมข้อมูล การเข้าถึงข้อมูลโดยไม่ได้รับอนุญาต การละเมิดสิทธิส่วนบุคคล และการดาวน์โหลดข้อมูลที่ผิดกฎหมาย
- เมื่อมีเหตุการณ์ไม่ปกติเกิดขึ้นกับองค์กร จึงมีความจำเป็นต้องมีการประเมินความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้นกับองค์กร ไม่ว่าจะเป็นในด้าน จริยธรรม, การเงิน และกฎหมาย เมื่อมีการสืบสวนภายในองค์กรและพบว่าอาจทำให้ เกิดความเสียหายอย่างร้ายแรง อาจจะมีความจำเป็นต้องใช้ การสืบสวนและ ดำเนินงานจากหน่วยงานภายนอกองค์กรที่น่าเชื่อถือและสามารถรักษา ความลับขององค์กรได้
จากที่กล่าวมาข้างต้น จะเห็นได้ว่า Digital Forensics ในประเทศไทยถือเป็นเรื่องใหม่ และผู้ที่เกี่ยวข้องยังมีประสบการณ์ไม่มากพอ จึงมีความจำเป็นที่หน่วยงานด้านกฎหมายทั้งภาครัฐและเอกชนต้องให้ความสนใจเรียนรู้และหาประสบการณ์เพิ่มเติมเพราะหลักฐานทางดิจิทัลอาจจะเป็นหลักฐานสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม
ยังมีผู้คนจำนวนมากเข้าใจผิดเกี่ยวกับ Digital Forensics ตัวอย่างเช่น Digital Forensics เกี่ยวข้องกับการสืบสวนคดีอาชญากรรมเท่านั้น, Digital Forensics มีราคาแพง หรือหลักฐานทางดิจิทัลมีความยุ่งยากซับซ้อน ซึ่งแท้จริงแล้ว Digital Forensics เกี่ยวข้องกับหลายๆส่วนไม่ว่าจะเป็น การสืบสวนคดีอาชญากรรม, การฟ้องร้องในคดีแพ่งหรือการฟ้องร้องเรื่องส่วนตัว ถ้าเกี่ยวข้องกับคอมพิวเตอร์, การสื่อสารผ่านอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์หรือเอกสารอิเล็กทรอนิกส์แล้วก็ล้วนแต่มีความจำเป็นต้องใช้กระบวนการ Digital Forensics ทั้งนั้น การ Forensics สามารถกู้ข้อมูลที่ถูกลบและไฟล์การใช้งานชั่วคราวที่เกิดขึ้นจากกระบวนการทำงานของคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลที่พิสูจน์ได้ผู้ใช้งานจะไม่สามารถโต้แย้งได้เนื่องจากเป็นข้อมูลที่เกิดขึ้นจริง เช่น ข้อมูลการกระทำผิดของพนักงาน
Digital Forensics ดูเหมือนจะเป็นทางเลือกที่มีราคาค่อนข้างสูงซึ่งทำให้คิดได้ว่าอาจจะไม่คุ้มค่าในการลงทุน อย่างไรก็ตาม ในระหว่างการสืบสวนข้อมูลบ่อยครั้งที่สามารถตรวจหาหลักฐานสำคัญที่สามารถนำไปดำเนินคดีในศาลได้ และมีหลายคดีที่สามารถนำไปเป็นหลักฐานในการต่อสู้คดีซึ่งจะช่วยป้องกันความเสียหายทางธุรกิจได้ ดังตัวอย่างต่อไปนี้
พนักงานในองค์กรแห่งหนึ่งซึ่งมีหน้าที่รับผิดชอบแบ็คอัพข้อมูลของบริษัทมาเป็นระยะเวลาหลายปี ได้ตัดสินใจลาออกโดยไม่มีการแจ้งให้บริษัททราบล่วงหน้า เมื่อเขาลาอออกไปทางบริษัทพบว่าเขาได้ลบข้อมูลบางส่วนในอีเมล์ เมื่อได้ใช้การตรวจสอบทาง forensic ที่ฮาร์ดดิสก์คอมพิวเตอร์ของพนักงานและที่เมล์เซิร์ฟเวอร์ของบริษัทพบว่า ก่อนที่เขาจะออกจากบริษัทเขาได้มีการเสียบ usb ไดร์ฟที่เครื่องคอมพิวเตอร์และก็อปปี้ข้อมูลที่แบ็คอัพไว้ และเขายังได้เข้าใช้งานอีเมล์โดยทำการลบอีเมล์สำคัญ เมื่อจำนนต่อหลักฐานเขาจึงยอมรับสารภาพและไม่สามารถโต้แย้งได้
ปัจจุบันนักกฎหมายในเมืองไทยยังเกรงกลัวที่จะใช้หลักฐานทางดิจิทัลในศาลเนื่องจากคิดว่าหลักฐานทางดิจิทัลมีความยุ่งยากซับซ้อนและคิดว่าไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งเป็นความเข้าใจที่ไม่ถูกต้องเนื่องจากมีหลายกรณีที่มีความจำเป็นต้องใช้หลักฐานทางดิจิทัล เช่น รูปภาพ, อีเมล์, เอกสารอิเล็กทรอนิกส์ และประวัติการใช้งานอินเตอร์เน็ต ซึ่งหลักฐานเหล่านี้สามารถนำมาอธิบายในรูปแบบที่คนทั่วไปเข้าใจได้โดยง่าย
การจัดการกับหลักฐานทางดิจิทัลมีสองสิ่งทีสำคัญคือ ความสมบูรณ์ของพยานหลักฐานและความถูกต้องของหลักฐาน โดยเป็นไปตาม พ.ร.บ พระราชบัญญัติธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. 2554 ซึ่งถือเป็นจุดเริ่มต้นงานด้านพิสูจน์หลักฐานทางคอมพิวเตอร์ในประเทศไทย
อาชญากรรมทางไซเบอร์ถูกระบุว่า เป็นหนึ่งในสี่อาชญากรรมที่สำคัญทางเศรษฐกิจและจะเพิ่มมากขึ้น ธุรกิจจำนวนมากไม่ได้ตระหนักว่าอาชญากรรมทางไซเบอร์จะส่งผลร้ายแรงต่อธุรกิจ ทั้งทางด้านการเงินและภาพพจน์ขององค์กรจนกระทั่งสายเกินไป เราไม่สามารถหลีกหนีความจริงที่ว่าในปัจจุบันคนส่วนใหญ่ทำธุรกรรมและติดต่อสื่อสารในรูปแบบของอิเล็กทรอนิกส์เพื่อที่เกิดประโยชน์สูงสุด องค์กรต่างๆควรมีการดำเนินการเพื่อลดความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้นเพื่อป้องกันการตกเป็นเหยื่อของอาชญากรรทางไซเบอร์ และมุ่งมั่น เพิ่มประสิทธิภาพระบบรักษาความปลอดภัยด้านข้อมูลในบทความนี้จะเห็นได้ว่าการสอบสวนทางดิจิทัลเป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพที่บริษัทควรจะนำไปเป็นนโยบายพื้นฐานในการป้องกันอาชญากรรมทางไซเบอร์
บริการสืบสวน วิเคราะห์ ข้อมูลหลักฐานจากคอมพิวเตอร์ นำหลักฐานไปดำเนินคดี
เกี่ยวกับผู้เขียน:
Mr. Andrew Smith (Andy) – Director of Computer Forensics Services at Orion Forensics Thailand
แอนดรูว์มีประสบการณ์มากกว่า 17 ปี ในสาขานิติวิทยาศาสตร์ดิจิทัล และเคยเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจในสหราชอาณาจักรเป็นเวลา 9 ปี โดยในช่วง 4 ปีที่ผ่านมาเขาใช้เวลาทำงานในแผนกอาชญากรรมคอมพิวเตอร์ตำรวจซึ่งเขาได้รับการฝึกอบรมทางนิติวิทยาศาสตร์อย่างมากมาย มีบทบาทของในการรวมข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์และการวิเคราะห์ข้อมูล รวมไปถึงการนำเสนอหลักฐานในศาลของสหราชอาณาจักรในฐานะพยานผู้เชี่ยวชาญ
ขณะนี้แอนดรูว์ทำงานที่กรุงเทพฯมาเป็นเวลากว่า 7 ปีและเป็นผู้อำนวยการฝ่าย Computer Forensics Services ของ บริษัท Orion Investigations บทบาทของเขาคือดูแลการสืบสวนทางนิติวิทยาศาสตร์ การพัฒนาธุรกิจ การส่งเสริมความตระหนักถึงความปลอดภัยในโลกไซเบอร์และอธิบายหลักฐานในฐานะพยานผู้เชี่ยวชาญในศาลไทย และเป็นวิทยากรที่อบรมให้กับหน่วยงานธุรกิจและองค์กรต่างๆ อย่างสม่ำเสมอ ซึ่งได้พัฒนาหลักสูตรการฝึกอบรมทางนิติวิทยาศาสตร์สำหรับตลาดในประเทศไทย อีกทั้งยังได้พัฒนาเครื่องมือทางนิติวิทยาศาสตร์ซึ่งปัจจุบันได้ใช้ในห้องปฏิบัติการนิติเวชทั่วโลก
Email :andrew@orioninv.co.th
Read Moreหลักการปฏิบัติงานเกี่ยวกับพยานหลักฐานดิจิทัล
พยานหลักฐาน เป็นสิ่งที่ใช้ในการพิสูจน์ข้อเท็จจริง ซึ่งรวมถึงแสดงความบริสุทธิ์หรือความผิดของบุคคล คุณค่า ของพยานหลักฐานอยู่ที่คุณสมบัติในการพิสูจน์ข้อเท็จจริง การปฏิบัติหน้าที่จึงต้องคานึงถึงการรักษาคุณค่าของ พยานหลักฐาน และการแสดงความน่าเชื่อถือในกระบวนการที่เกี่ยวข้องกับการจัดการพยานหลักฐานอย่างสม เหตุผล
Read Moreทำไม Digital Forensics จึงเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการเก็บหลักฐานดิจิทัล เพื่อประกอบสำนวนคดี
หลายปีที่ผ่านมา ในการดำเนินคดีความมักจะใช้หลักฐานที่เป็นเอกสารมาใช้ในการพิสูจน์ ซึ่งเอกสารเหล่านี้จะเน้นไปในจุดที่ต้องการค้นหา และเน้นถึงส่วนที่เป็นหลักฐานที่สำคัญเพื่อมาพิสูจน์ แต่ในปัจจุบันคนส่วนใหญ่ใช้คอมพิวเตอร์ในการทำงาน ดังนั้นเอกสารของบริษัทและข้อมูลต่างๆทางธุรกิจถูกเก็บรวบรวมในรูปแบบอิเล็คทรอนิกส์และรูปแบบฐานข้อมูล
Read Moreสิ่งที่ทนายความควรรู้เกี่ยวกับการพิสูจน์หลักฐานดิจิทัล (Digital Forensics)
ทุกวันนี้คดีทางกฎหมายส่วนใหญ่มักจะมีส่วนของหลักฐานอิเล็กทรอนิกส์เข้าไปเกี่ยวข้องด้วย ซึ่งหากมีการตรวจสอบและวินิจฉัยอย่างถูกต้องย่อมเป็นโอกาสที่ดีที่จะเข้ามาช่วยในคดีความ โดยการตรวจสอบดังกล่าวจะสามารถเปิดเผยข้อมูลต่าง ๆ ที่น่าสนใจ ซึ่งขอบเขตและค่าใช้จ่ายที่ใช้ในการวิเคราะห์มักขึ้นอยู่กับลักษณะของคดี ดังนั้นถือเป็นสิ่งสำคัญมากสำหรับผู้ตรวจสอบที่จะต้องมีความเข้าใจที่ชัดเจนเกี่ยวกับคดีที่เกิดขึ้น
Read Moreการตรวจพิสูจน์พยานหลักฐานทางดิจิทัลหรือคอมพิวเตอร์
เมื่อได้ยินคำว่า “Computer Forensics” หลายคนจะนึกถึงซีรีย์เรื่อง “DSI” และการสืบสวนอาชญากรรมของตำรวจ ในปัจจุบันคำว่า “Computer Forensics” หรือ “Digital Forensics” น่าจะมีการพูดถึงกันมากขึ้นในแง่ของการเป็นเครื่องมือในการสืบสวนการกระทำผิดของพนักงานในองค์กร, การสืบสวนด้านทรัพย์สินทางปัญญา, การสืบสวนผู้บุกรุกเครือข่ายคอมพิวเตอร์(Cyber Crime) และการฟ้องร้องคดีหมิ่นประมาท เป็นต้น
Read More