ทำไมการทำ Computer Forensics จึงมีความสำคัญต่อองค์กรของคุณ
ในโลกที่ก้าวไปอย่างรวดเร็วปัจจุบันองค์กรต้องพึ่งพาเทคโนโลยีมากขึ้นเพื่อให้ทันต่อการแข่งขัน ปัจจุบันลูกค้าทั่วไปต่างคาดหวังว่า สินค้าหรือองค์กรต่างๆที่เค้าต้องการหาสินค้าจะต้องมีเว็บไซท์ที่น่าสนใจและข้อมูลครบตามความต้องการซึ่งสามารถตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้เป็นอย่างดีในกรณีที่ต้องการซื้อสินค้าออนไลน์ ซึ่งแน่นอนว่าก่อนสั่งสินค้า ลูกค้าต้องมีสิทธ์ในการสอบถามข้อมูลของสินค้า โดยผ่านโปรแกรมแชทที่เจ้าของเว็บไซต์เตรียมไว้ให้ และฟังก์ชั่นการทำงานของเวไซต์อื่นที่น่าสนใจเช่น ดูตัวอย่างสินค้า
ปัจจุบันเทคโนโลยีได้กลายเป็นสิ่งจำเป็นในชีวิตประจำวันของผู้คน โดยส่วนใหญ่เน้นเชื่อมต่อระหว่างอีเมล์ของตัวเองและสามารถติดต่อกับเพื่อนๆได้ในช่วงเวลาทำงาน
Computer Forensics สำคัญต่อองค์กรของคุณอย่างไร?
การทำ Computer Forensics คือขั้นตอนการพิสูจน์หลักฐานทางคอมพิวเตอร์ที่จะต้องเผชิญกับเหตุการณ์การตรวจสอบข้อมูลต่างๆทางคอมพิวเตอร์ที่เกิดขึ้นในโลกไซเบอร์ใบนี้ และเหตุการณ์บางอย่างที่เกิดขึ้นไม่ได้มีการเตรียมตัวมาก่อน ที่จะจัดการกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ โดยทั่วไปในองค์กรจะมีการรักษาความปลอดภัยด้วยการใช้ไฟร์วอล และอัพเดตโปรแกรมป้องกันไวรัส อย่างไรก็ตามองค์กรส่วนใหญ่ไม่ได้มีนโยบายควบคุมการใช้อุปกรณ์ USB ซึ่งทำให้สามารถใช้อุปกรณ์นี้เชื่อมต่อกับระบบเครือข่ายและระบบโทรศัพท์ได้ ซึ่งอาจทำให้เกิดการรับส่งข้อมูลขององค์กร และเมื่อมีการยกเลิกสัญญาพนักงานจึงต้องมีการปิดบัญชีผู้ใช้ให้ทันท่วงทีองค์กรทั่วไปจะมีกฎและข้อบังคับเกี่ยวกับการรักษาข้อมูลลูกค้า อย่างไรก็ตามการรั่วไหลของข้อมูลยังคงเป็นปัญหาใหญ่ที่องค์กรเหล่านี้ต้องเผชิญอยู่ในโลกของเทคโนโลยีทุกวันนี้
เมื่อมีเหตุการณ์เกิดขึ้นกับคอมพิวเตอร์แน่นอนว่าในที่สุด ทุกองค์กรจะต้องมีการจัดการกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในโลกไซเบอร์
ตัวอย่างของเหตุการณ์ในโลกไซเบอร์ที่พบกันบ่อยๆซึ่งอาชญากรรมที่พบบ่อยได้แก่
• การทุจริตทางคอมพิวเตอร์
• อาชญากรรม
• การจารกรรมข้อมูลในภาคอุตสาหกรรมรม
• การโจรกรรมข้อมูลลับขององค์กร
• การละเมิดลิขสิทธ์ส่วนบุคคล / การสูญเสียข้อมูลของลูกค้า
• สื่อลามกอนาจารสำหรับเด็กและผู้ใหญ่
• การกระทำต่างๆที่เป็นการละเมิดนโยบายการรักษาความปลอดภัยของคอมพิวเตอร์ขององค์กร และอื่น ๆ
เมื่อมีเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นผู้กระทำผิดจะทิ้งช่องโหว่ เช่น ทางจริยธรรม ทางการเงินและถูกทางกฎหมาย เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นต้องได้รับการตรวจสอบอย่างจริงจัง โดยเริ่มจากการตรวจสอบหลักฐานจากภายใน อย่างรวดเร็วเพื่อขยายผลไปสูการตรวจสอบคดีทางอาญาซึ่งจะเกี่ยวข้องกับหน่วยงานภายนอกโดยข้อมูลการสอบสวนอาจรั่วไหลสู่ภายนอกโดยไม่รู้ตัว
จากการสำรวจคดีสำคัญทางอาชญากรรมทางเศรษฐกิจทั่วโลก ในปี 2011
• ในขณะนี้อาชญากรรมทางคอมพิวเตอร์จัดเป็นหนึ่งในสี่ของอาชญากรรมทางเศรษฐกิจที่สำคัญ
• 40 % ของผู้ตอบแบบสอบถามหวาดกลัวในเรื่องของภาพลักษณ์ชื่อเสียงขององค์กรมากที่สุด
• 60% กล่าวว่า องค์กรไม่มีนโยบายติดตามความเคลื่อนไหวในสื่อสังคมออนไลน์
• 34% ของผู้ตอบแบบสอบถามมีประสบการณ์ที่เกี่ยวข้องกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา (เพิ่มขึ้น 30 % จากปี 2009) เกือบ 1 ใน 10 ที่เปิดเผยถึงความเสียหายจากอาชญากรรมทางเศรษฐกิจมากกว่า 5 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ
• 56 % ของผู้ตอบแบบสอบถามกล่าวว่าการทุจริตที่ร้ายแรงที่สุดคือ “ภายในองค์กรนั่นเอง”
• 2 ใน 5 ของผู้ตอบแบบสอบถามไม่ได้รับการฝึกอบรมใดๆเลยเกี่ยวกับความปลอดภัยในโลกไซเบอร์
• ผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่ไม่ได้ตระหนักถึงการมีแผนรองรับหรือรับมือในกรณีถ้ามีอาชญากรรมทางคอมพิวเตอร์เกิดขึ้นภายในองค์กร
ทำไม การทำ Computer Forensics จึงมีความสำคัญต่อองค์กรคุณ
เมื่อองค์กรต้องเผชิญกับเหตุการณ์ในระบบรักษาความปลอดภัยขององค์กร ส่วนใหญ่เจ้าหน้าที่ทางไอทีจะถูกคาดหวังในประเมินปัญหาที่เกิดขึ้นในเบื้องต้นและพยายามหาข้อเท็จจริงของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและประเมินระดับของความรุนแรง ส่วนใหญ่พนักงานไอทีในบริษัททั่วไปไม่ได้รับการฝึกอบรมในด้านการพิสูจน์หลักฐานทางคอมพิวเตอร์(Computer Forensic) ส่งผลให้พวกเขาไม่ตระหนักถึงวิธีการเก็บข้อมูลหลักฐานทางดิจิตอลหรือคอมพิวเตอร์ที่อาจจะต้องนำไปเป็นหลักฐานแสดงต่อศาลในกรณีที่มีการร้องขอ ข้อมูลที่สำคัญอย่างเช่น วันและเวลาที่ปรากฏอาจสูญหายหรือเปลี่ยนแปลงซึ่งจะทำให้การตรวจสอบยากมากขึ้น ในสถานการณ์ที่เลยร้ายที่สุดข้อมูลที่ตรวจพบอาจไม่เป็นที่ยอมรับเมื่อนำไปเสนอในชั้นศาล
การพิสูจน์หลักฐานทางคอมพิวเตอร์ (Computer forensics investigation)จำเป็นต้องมีทักษะเฉพาะซึ่งเกี่ยวข้องกับการเก็บรักษาข้อมูลและตรวจสอบ แยกแยะหลักฐานทางคอมพิวเตอร์ที่พบ แต่การเผยแพร่ หลักฐานที่ถูกต้อง เมื่อต้องเผชิญหลักฐานทางคอมพิวเตอร์องค์กรมีแนวโน้มที่จะเน้น ไปที่ค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้อง และขึ้นอยู่กับความซับซ้อนของการตรวจสอบข้อมูลหลักฐาน และจำนวนเครื่องคอมพิวเตอร์ที่เกี่ยวข้อง แต่อย่างไรก็ตามค่าใช้จ่ายจะขึ้นอยู่กับสิ่งต่อไปนี้
หลักฐานที่ได้จากการตรวจสอบหลักฐานทางคอมพิวเตอร์ จะเป็นผลลัพธ์ของการสืบสวนการพิสูจน์หลักฐานทางคอมพิวเตอร์สามารถลดขั้นตอนการดำเนินการทางกฎหมายให้รวด เร็วกระชับขึ้นการพิสูจน์หลักฐานทางคอมพิวเตอร์ สามารถประหยัดเวลาในการตรวจสอบซึ่งยังสามารถช่วยองค์กรประหยัดค่าใช้จ่ายด้วย
เมื่อองค์กรกำหนดแผนรับมือกับเหตุการณ์ที่อาจจะเกิดขึ้น องค์กรควรจะสร้างแผนการซึ่งตอบสนองงานด้านพิสูจน์หลักฐานทางคอมพิวเตอร์ (Computer Incident Response Plan ) ซึ่งอาจหมายถึง การให้พนักงานได้รับการอบรมการเก็บ ตรวจสอบ พิสูจน์หลักฐานทางคอมพิวเตอร์ที่ถูกต้องตามหลักสากลในองค์กร ซึ่งพนักงานที่ผ่านการฝึกอบรมสามารถช่วยเหลือองค์กรเบื้องต้นในกรณีเกิดอาชญากรรมทางคอมพิวเตอร์
การพิสูจน์หลักฐานทางคอมพิวเตอร์เริ่มเป็นที่สนใจในหลายๆประเทศทั่วโลก ปัจจุบันนี้ในประเทศอังกฤษได้ก่อตั้งโครงการ Insurance Scheme ซึ่งเป็นองค์กรที่ให้ความช่วย เหลือลูกค้าถ้ามีการเรียกร้องการตรวจสอบพิสูจน์หลักฐานทางคอมพิวเตอร์ โดยองค์กรต้องยอมรับการพิสูจน์หลักฐานทางคอมพิวเตอร์และเป็นเครื่องมือในการควบคุมผู้ที่กำลังคิดที่จะก่ออาชญากรรมทางคอมพิวเตอร์
Training For IT Staff – Computer Forensics Awareness and Incident Response Training (TH)
ประวัติผู้เขียน
แอนดรูส์ สมิทธ์ -ผู้อำนวยการพิสูจน์หลักฐานคอมพิวเตอร์ประจำ Orion Forensic
แอนดรูว์มีประสบการณ์มากกว่า 17 ปี ในสาขานิติวิทยาศาสตร์ดิจิทัล และเคยเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจในสหราชอาณาจักรเป็นเวลา 9 ปี โดยในช่วง 4 ปีที่ผ่านมาเขาใช้เวลาทำงานในแผนกอาชญากรรมคอมพิวเตอร์ตำรวจซึ่งเขาได้รับการฝึกอบรมทางนิติวิทยาศาสตร์อย่างมากมาย มีบทบาทของในการรวมข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์และการวิเคราะห์ข้อมูล รวมไปถึงการนำเสนอหลักฐานในศาลของสหราชอาณาจักรในฐานะพยานผู้เชี่ยวชาญ
ขณะนี้แอนดรูว์ทำงานที่กรุงเทพฯมาเป็นเวลากว่า 7 ปีและเป็นผู้อำนวยการฝ่าย Computer Forensics Services ของ บริษัท Orion Investigations บทบาทของเขาคือดูแลการสืบสวนทางนิติวิทยาศาสตร์ การพัฒนาธุรกิจ การส่งเสริมความตระหนักถึงความปลอดภัยในโลกไซเบอร์และอธิบายหลักฐานในฐานะพยานผู้เชี่ยวชาญในศาลไทย และเป็นวิทยากรที่อบรมให้กับหน่วยงานธุรกิจและองค์กรต่างๆ อย่างสม่ำเสมอ ซึ่งได้พัฒนาหลักสูตรการฝึกอบรมทางนิติวิทยาศาสตร์สำหรับตลาดในประเทศไทย อีกทั้งยังได้พัฒนาเครื่องมือทางนิติวิทยาศาสตร์ซึ่งปัจจุบันได้ใช้ในห้องปฏิบัติการนิติเวชทั่วโลก
Email :andrew@orioninv.co.th
Read More
การสำเนาพยานหลักฐานต้นฉบับ (Forensics Image) คืออะไร
การสำเนาพยานหลักฐานต้นฉบับ หรือ Forensics Imaging เป็นกระบวนการของการสำเนาของฮาร์ดไดรฟ์ และเป็นพื้นฐานทางนิติคอมพิวเตอร์, การกู้คืนข้อมูล และกระบวนการค้นหาข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกสิ์ ซึ่งกระบวนการ Imaging นั้นจะทำกับข้อมูล ทุกๆข้อมูล ที่บันทึกอยู่ในฮาร์ดไดรฟ์ ซึ่งข้อมูลในฮาร์ดไดรฟ์ จะบันทึกในลักษณะของเลข 0 และ 1
Read Moreการจัดการกับอาชญากรรมไซเบอร์ (Cyber Crime) – ธุรกิจของคุณจะรู้วิธีตอบสนองหรือไม่?
อาชญากรรมไซเบอร์ (Cyber Crime) -มีคนกล่าวว่า มีสองสิ่งในชีวิตเราที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ นั่นคือความตายและภาษี ฉันขอแนะนำว่าตอนนี้มีเพิ่มมาอีกเป็นสาม นั่นคือ การเผชิญกับอาชญากรรมทางไซเบอร์ ไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะได้ยินวลี “อาชญากรรมไซเบอร์ หรือการก่อการร้ายทางไซเบอร์” จากสื่อต่าง ๆ และบริษัทยักษ์ใหญ่ ถูกแฮ็ก หลายคนยังไม่แน่ใจว่าอะไรก่อให้เกิดอาชญากรรมทางไซเบอร์และอาจตกเป็นเหยื่อหรือไม่
Symantec ให้คำจำกัดความของอาชญากรรมไซเบอร์ว่า อาชญากรรมใด ๆ ที่กระทำโดยใช้คอมพิวเตอร์หรือเครือข่ายหรืออุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ คอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์อาจเป็นตัวแทนของอาชญากรรม ผู้อำนวยความสะดวกในการก่ออาชญากรรม หรือเป้าหมายของอาชญากรรม อาชญากรรมอาจเกิดขึ้นในคอมพิวเตอร์เพียงอย่างเดียวหรือนอกเหนือจากสถานที่อื่น ๆ
คำว่าอาชญากรรมในโลกไซเบอร์ครอบคลุมกิจกรรมที่หลากหลายตั้งแต่ Spam emails (อีเมลขยะ), Phishing emails (สร้างให้ดูเหมือนว่ามาจากบริษัทที่ถูกต้องตามกฎหมาย) Identity theft (การขโมยข้อมูลประจำตัว)cyber harassment (การคุกคามทางไซเบอร์) การดาวน์โหลดเพลงโดยผิดกฎหมาย การแฮ็กเครือข่ายและการขโมยข้อมูลของบริษัท (theft of company data)
ธุรกิจจำนวนมากมองว่าอีเมลขยะ Spam emails เป็นสิ่งที่น่ารำคาญมากกว่าภัยคุกคามที่สำคัญ อย่างไรก็ตามแค่พนักงานเพียงคนเดียวคลิกอีเมลขยะ โดยลิงก์ที่คลิกก็จะนำไปสู่เว็บไซต์ที่เป็นอันตรายทันที จากนั้นเว็บไซต์จะดาวน์โหลดและติดตั้งซอฟต์แวร์ที่เป็นอันตรายลงในระบบอย่างลับๆก่อนที่คุณจะรู้ตัวว่าข้อมูลทั้งหมดของ บริษัท ของคุณได้สูญหายไป
ธุรกิจมีภาระผูกพันทางกฎหมายและศีลธรรมในการปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้า อย่างไรก็ตาม การรั่วไหลของข้อมูล (Data Leakage) ยังคงเป็นปัญหาใหญ่อย่างหนึ่งที่พวกเขาต้องเผชิญในโลกแห่งเทคโนโลยีในปัจจุบัน การสำรวจจัดทำขึ้นในปี 2555 โดย National Cyber Security Alliance (NCSA) และ Symantec จากธุรกิจขนาดเล็กและขนาดกลาง (SMB) 1,000 แห่ง ผลการวิจัยบางส่วนมีดังต่อไปนี้:
- 87% ของธุรกิจไม่มีนโยบายการรักษาความปลอดภัยอินเทอร์เน็ตที่เป็นลายลักษณ์อักษรสำหรับพนักงาน
- เกือบ 6ใน 10 (59%) ไม่มีแผนฉุกเฉินโดยสรุปขั้นตอนในการตอบสนองและรายงานการสูญเสียการละเมิดข้อมูล
- 75% ไม่มีนโยบายจำกัดการใช้โซเชียลมีเดียของพนักงาน
- 60% กล่าวว่าพวกเขาไม่มีนโยบายความเป็นส่วนตัวที่พนักงานต้องปฏิบัติตามเมื่อพวกเขาจัดการกับข้อมูลของลูกค้าหรือพนักงาน
ภัยคุกคามที่เกิดขึ้นใหม่ในปี 2013 มีอะไรบ้าง?
- Bring your own device (BYOD) –การรวมตัวกันของอุปกรณ์สื่อสารและเทคโนโลยีเป็นประวัติการณ์และนำเสนอความท้าทายที่ไม่เหมือนใครสำหรับทุกธุรกิจ ปัจจุบันผู้คนใช้อุปกรณ์พกพาเหมือนกับPC คาดว่าภายในปี 2014 อินเทอร์เน็ตบนมือถือจะแซงหน้าการใช้งานอินเทอร์เน็ตบนเดสก์ท็อป อุปกรณ์จัดเก็บข้อมูล บริษัทจำนวนมากซึ่งสามารถซิงค์โดยอัตโนมัติไปยังที่เก็บข้อมูลออนไลน์ต่างๆ ในการนำเสนอล่าสุดฉันมั่นใจว่า คนส่วนใหญ่มีโทรศัพท์สมาร์ทโฟนทั้งหมด อย่างไรก็ตามเมื่อฉันถามว่ามีแอนตี้ไวรัสกี่ตัวที่ติดตั้งบนโทรศัพท์ของพวกเขามีเพียงสองคนเท่านั้นที่ยกมือขึ้น ตามรายงานของ NQ Mobile โทรศัพท์ Android เกือบ 33 ล้านเครื่องถูกกำหนดเป้าหมายโดยซอฟต์แวร์ที่เป็นอันตรายในปี 2555
- Social engineering – ผู้โจมตีจำนวนมากกำหนดเป้าหมายเว็บไซต์โซเชียลมีเดียเช่น Facebook หรือ LinkedIn เพื่อรวบรวมข้อมูลข่าวกรองเกี่ยวกับ บริษัท และพนักงาน ไซต์ประเภทนี้อาจเป็นแหล่งข้อมูลมากมาย แต่หลาย บริษัท ยังไม่ตรวจสอบว่าพนักงานคลิกอะไรบนเว็บไซต์
- Phishing ยังคงเป็นหนึ่งในภัยคุกคามที่ใหญ่ที่สุดต่อความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยทางออนไลน์ ฟิชชิงคือแนวทางปฏิบัติในการส่งอีเมลโดยอ้างว่ามาจาก บริษัท ที่ถูกต้องตามกฎหมายเพื่อชักจูงให้บุคคลเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลเช่นรหัสผ่านและชื่อผู้ใช้
ภัยคุกคามที่ใหญ่ที่สุดบางประการต่อธุรกิจยังคงมาจากภายใน บริษัทพบว่าผู้ใช้ที่มีสิทธิพิเศษมักจะหนีจากการฉ้อโกงได้นานถึง 32 เดือน เมื่อธุรกิจตกเป็นเหยื่อของอาชญากรรมไซเบอร์อาจทำให้องค์กรตกอยู่ในสถานะที่เปราะบางทั้งทางจริยธรรมทางการเงินและทางกฎหมาย เหตุการณ์ทั้งหมดต้องได้รับการปฏิบัติอย่างจริงจัง สิ่งที่เริ่มต้นในตอนแรกเนื่องจากการสอบสวนภายในสามารถขยายไปสู่การสืบสวนอาชญากรรมได้อย่างรวดเร็วซึ่งเกี่ยวข้องกับหน่วยงานภายนอกหรือการสอบสวนอาจรั่วไหลออกสู่สาธารณะหรือสื่อ
บริษัทมักจะหันไปหาเจ้าหน้าที่ไอทีเพื่อเริ่มการสอบสวนและตรวจสอบคอมพิวเตอร์และเครือข่ายเพื่อระบุสิ่งที่เกิดขึ้น ปัญหาคือเจ้าหน้าที่ไอทีมักไม่ได้รับการฝึกอบรมในการจัดการข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ที่ถูกต้องซึ่งอาจต้องอาศัยข้อมูลในศาลในภายหลัง การจัดการข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์อย่างไม่ถูกต้องอาจทำให้ความสมบูรณ์ของข้อมูลถูกตั้งคำถามที่ศาลหรือศาลปฎิเสธไม่รับฟังนั้น”
นี่คือจุดที่นิติวิทยาศาสตร์ดิจิทัลสามารถช่วยได้ Digital forensics คือการตรวจสอบข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ที่เก็บไว้ในคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลดิจิทัลทุกชนิด เพื่อหาหลักฐานโดยใช้วิธีการที่ได้รับยอมรับและเป็นมารตรฐานสากล ซึ่งจะทำให้ไม่มีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นกับข้อมูลหรือมีการเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อยเท่านั้นอุปกรณ์ต่างๆที่สามารถตรวจสอบได้ ได้แก่ คอมพิวเตอร์ แล็ปท็อป ไอแพด โทรศัพท์มือถือ โดยทั่วไปแล้วอะไรก็ตามที่เก็บข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์”
เมื่อมีการสอบสวนทางนิติวิทยาศาสตร์มี 5 ขั้นตอนที่ผู้ตรวจสอบจะต้องดำเนินการ
1.การเก็บรักษา (Preservation)- ข้อมูลจะถูกเก็บรักษาไว้ในลักษณะที่จะไม่มีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นกับข้อมูลและด้วยเหตุนี้จึงมั่นใจได้ถึงความสมบูรณ์( integrity) ของข้อมูล
2.การระบุ (Identification) – ปริมาณข้อมูลที่อาจต้องตรวจสอบเพิ่มขึ้นตลอดเวลา ด้วยการดำเนินการค้นหาคำหลักปริมาณข้อมูลจะลดลงอย่างรวดเร็ว
3.การดึงข้อมูล (Extraction) – จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องดึงข้อมูลออกมาในลักษณะที่สามารถแสดงให้ศาลเห็นว่าความสมบูรณ์และความถูกต้องของข้อมูลได้รับการรักษา
4.การตีความ (Interpretation) – นี่เป็นหนึ่งในขั้นตอนที่ยากที่สุดของการพิสูจน์หลักฐาน ในขั้นตอนนี้จะเกี่ยวข้องกับทักษะและประสบการณ์ของผู้ตรวจสอบเพื่อให้สามารถตีความข้อมูลที่พบและลำดับเหตุการณ์ที่อยู่รอบ ๆ ข้อมูลนั้นได้อย่างถูกต้อง
5.การจัดทำรายงาน (Reporting) – สิ่งสำคัญคือต้องนำเสนอผลการสอบสวนตามความเป็นจริง ในรูปแบบไม่เน้นเทคนิคจนเกินไป ลูกค้า คนทั่วไป ฝ่ายกฎหมาย สามารถอ่านทำความเข้าใจได้
เมื่อต้องเผชิญกับการสอบสวนทางนิติวิทยาศาสตร์ (Digital Forensics) ในช่วงแรกธุรกิจมักจะให้ความสำคัญกับต้นทุนค่าใช้จ่าย ซึ่งถูกต้องแล้ว ค่าใช้จ่ายขึ้นอยู่กับความซับซ้อนของการสอบสวนและจำนวนคอมพิวเตอร์ที่เกี่ยวข้องอาจมีราคาแพง อย่างไรก็ตามควรพิจารณาสิ่งต่อไปนี้:
- หลักฐานที่สามารถหาได้โดยการตรวจทางนิติวิทยาศาสตร์เท่านั้น มักจะพิสูจน์ได้ว่ามีความสำคัญต่อผลการสอบสวนที่นำมาซึ่งความสำเร็จ ของเคสนั้นๆ
- การสอบสวนทางนิติวิทยาศาสตร์มักจะช่วยลดความจำเป็นในการดำเนินการทางกฎหมายได้อย่างเต็มที่
- การตรวจสอบทางนิติวิทยาศาสตร์สามารถประหยัดเวลาส่งผลให้ประหยัดเงิน
คุณต้องพิจารณาว่าธุรกิจของคุณต้องเสียค่าใช้จ่ายเท่าใด หากถูกขายข้อมูลที่เป็นความลับให้กับคู่แข่งหรือความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นกับชื่อเสียงของคุณหากรายละเอียดของลูกค้าของคุณถูกขโมย หรือรั่วไหล
บ่อยครั้งที่ฉันได้อธิบายหรือพูดคุยกับผู้ที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เกี่ยวกับสิ่งที่ Digital Forensics สามารถกู้คืนจากคอมพิวเตอร์หรือโทรศัพท์มือถือพวกเขามักจะประหลาดใจ ประเภทของข้อมูลที่สามารถกู้คืนได้รวมถึง แต่ไม่จำกัดเพียง:
- ข้อมูลที่ถูกลบ
- เอกสาร
- อีเมล (file แนบในเมล เช่น Words, Excel, Power Point)
- รูปภาพ
- ประวัติอินเทอร์เน็ต
- การสนทนา หรือแชทผ่าน Social Network เช่น Facebook ,line หรือ Skype
- รายละเอียดของไฟล์ที่อยู่ใน USB
- ไฟล์ที่ก๊อบลง USB
สำหรับโทรศัพท์มือถือ (Mobile Forensics) อาทิ ข้อมูลเช่น บันทึกการโทรที่ถูกลบ deleted call logs ข้อความ SMSที่ถูกลบ และ แม้แต่ข้อมูลตำแหน่งเช่นการแก้ไข GPS
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าการพึ่งพาเทคโนโลยีของธุรกิจจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง หลายคนนำเทคโนโลยีใหม่ ๆ มาใช้อย่างรวดเร็วเพื่อส่งมอบบริการได้อย่างรวดเร็วและคุ้มค่าแก่ลูกค้า การใช้อุปกรณ์พกพาที่เพิ่มขึ้นทำให้พนักงานไม่ต้องอยู่กับโต๊ะทำงานอีกต่อไป อย่างไรก็ตามการใช้อุปกรณ์ดังกล่าวนำมาซึ่งความท้าทายมากมาย
แม้ว่าธุรกิจต่างๆจะนำเทคโนโลยีเหล่านี้มาใช้อย่างรวดเร็ว แต่ก็ไม่ได้ให้ความรู้ อย่างเพียงพอในการรักษาความปลอดภัยอุปกรณ์เหล่านี้ หรือไม่เข้าใจถึงโอกาสที่จะเกิดภัยคุกคาม พวกเขาไม่จำเป็นต้องดูเพียงวิธีป้องกันไม่ให้เหตุการณ์ด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์เกิดขึ้น แต่ต้องมีขั้นตอนที่ชัดเจนในการจัดการกับเหตุการณ์เมื่อเกิดสิ่งผิดปกติ นิติวิทยาศาสตร์ดิจิทัลเป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์ในการต่อสู้กับอาชญากรรมทางไซเบอร์และหากใช้อย่างถูกต้องและในช่วงต้นของการตรวจสอบอาจป้องกันไม่ให้ข้อมูลสำคัญสูญหายหรือถูกทำลาย
เขียนบทความโดย Andrew Smith- ผู้อำนวยการพิสูจน์หลักฐานดิจิทัล ประจำ Orion Forensics Service (ประวัติ)
Read More
สิ่งที่ทนายความควรรู้เกี่ยวกับการพิสูจน์หลักฐานดิจิทัล (Digital Forensics)
ทุกวันนี้คดีทางกฎหมายส่วนใหญ่มักจะมีส่วนของหลักฐานอิเล็กทรอนิกส์เข้าไปเกี่ยวข้องด้วย ซึ่งหากมีการตรวจสอบและวินิจฉัยอย่างถูกต้องย่อมเป็นโอกาสที่ดีที่จะเข้ามาช่วยในคดีความ โดยการตรวจสอบดังกล่าวจะสามารถเปิดเผยข้อมูลต่าง ๆ ที่น่าสนใจ ซึ่งขอบเขตและค่าใช้จ่ายที่ใช้ในการวิเคราะห์มักขึ้นอยู่กับลักษณะของคดี ดังนั้นถือเป็นสิ่งสำคัญมากสำหรับผู้ตรวจสอบที่จะต้องมีความเข้าใจที่ชัดเจนเกี่ยวกับคดีที่เกิดขึ้น
Read MoreBring Your Own Devices (BYOD) ความเสี่ยง ความท้าทายสำหรับธุรกิจในปัจจุบัน
ปัจจุบันองค์กรต่างๆได้อนุญาตให้พนักงานสามารถนำโทรศัพท์มือถือ แทบเล็ต นำมาใช้ในการสื่อสาร หรือปฎิบัติงานระหว่าง คนในองค์กร หรือระหว่างองค์กร ที่เรียกว่า BYOD (Bring Your Own Devices) ด้วยเหตุผลที่ว่า มีความสะดวกรวดเร็วในการติดต่องานกับลูกค้า พกพาสะดวกสบาย เหมาะกับ lifestyle คนรุ่นใหม่
Read More